เราเชื่อว่าผู้ที่ชื่นชอบวิถีธรรมชาติบำบัด ไม่มีใครไม่รู้จักการกัวซา แต่ด้วยภาพปื้นสีแดงทั้งเข้มทั้งอ่อนที่แผ่กระจายเต็มแผ่นหลังของผู้ที่ได้รับการกัวซาดังที่เราเห็นก็บ่อยๆ ดูน่าจะทั้งเจ็บ ทั้งแสบอยู่ไม่น้อย ก็เลยทำให้หลายๆท่านยังไม่กล้าที่จะทดลองด้วยตนเอง แต่สำหรับพวกเราทีมงานใครไม่ป่วยยกมือขึ้น (ถูกบังคับ) ทดลองกันมาทุกคนแล้ว ต้องบอกเลยว่า “หากเราได้ทำความเข้าใจในกลไกการบำบัดด้วยกัวซาแล้ว เจ้าปื้นสีแดงบนแผ่นหลังของพวกเรา นับเป็นความเจ็บและแสบที่คุ้มค่ามากเลยทีเดียว”
ศาสตร์การขูดกัวซานั้น มีความเป็นมายาวนานถึง 5,000 ปีเลยทีเดียว กล่าวกันว่า เกิดจากการค้นพบโดยบังเอิญของผู้หญิงคนหนึ่งขณะที่เธอกำลังอาบน้ำอยู่ที่ริมแม่น้ำ ทุกครั้งที่เธออาบน้ำ เธอจะนำหินจากแม่น้ำขึ้นมาขัดผิวกายของเธอและค่อยๆ สังเกตได้ว่าการทำเช่นนี้เป็นประจำ มันทำให้เธอผ่อนคลายและเลือดลมไหลเวียนได้ดีขึ้น ต่อมาเมื่อใครมีอาการปวดศรีษะ ปวดตามร่างกายหรือเป็นไข้ พวกเขาก็จะนำช้อนกระเบื้องมาขูดในบริเวณที่มีอาการจนเกิดรอยจ้ำแดงๆ อาการปวดบริเวณดังกล่าวก็จะหายไป
จุดเด่นของการทำกัวซา
ทำง่าย สะดวก ได้ผลดีและสามารถทำได้ทุกวัน ทุกๆ คนไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ก็สามารถทำได้โดยไม่เกิดผลข้างเคียง กัวซาเป็นศาสตร์ที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปเอเซีย ไม่ว่าจะเป็นประเทศไทย ลาว พม่า กัมพูชา อินเดีย อินโดนีเซีย และบรูไน
ในประเทศเวียตนาม ทุกๆ ครอบครัวจะสามารถทำกัวซาได้ เมื่อมีคนในบ้านมีอาการปวดหัว ปวดท้อง ปวดหลัง หรือเกิดการเจ็บป่วยด้วยโรคไม่ติดเชื้อ ก็จะทำการรักษาด้วยกัวซาเป็นอันดับแรก “และในประเทศมาเลเซีย การกัวซาได้รับการยอมรับจนมีการตั้งโรงเรียนสอนการทำกัวซาโดยเฉพาะขึ้น”
เพราะเหตุใดการขูดผิวหนังจึงสามารถขจัดความไม่สบายและอาการเจ็บป่วยต่างๆ ได้?
หลายๆ ท่านอาจยังมีข้อกังขาเกี่ยวกับการทำกัวซาว่าจะสามารถบำบัดอาการเจ็บป่วยได้อย่างไร แพทย์แผนจีนมีความเชื่อว่า กัวซา ช่วยให้เกิดความสมดุลระหว่างธาตุทั้งสี่ในร่างกาย ได้แก่ ธาตุดิน ลม ไฟ และน้ำ มันสามารถกระตุ้นให้เลือดและพลังชี่ในร่างกายไหลเวียนถ่ายเทได้สะดวก กัวซายังแตกต่างจากการรักษาแบบอื่นๆ ตรงที่เราสามารถใช้การกัวซาเพื่อขจัดพิษได้ในทุกส่วนของร่างกาย เพียงแต่ข้อสำคัญที่พึงระวังก็คือ อุปกรณ์ในการทำกัวซา จะต้องเป็นวัสดุที่เป็นหยินเท่านั้น เช่น กระเบื้อง กระดูกหรือเขาสัตว์ และหิน เป็นต้น
ส่วนในด้านการแพทย์แผนปัจจุบัน การขูดกัวซาจะมีผลทำให้เส้นเลือดฝอยที่มาเลี้ยงบริเวณผิวหนังมีการขยายตัวกว้างขึ้นหลายเท่าตัว เลือดจึงไหลเวียนมาเลี้ยงผิวหนังบริเวณนั้นได้มากขึ้นหลายเท่าตัวด้วย นอกจากนี้การขูดผิวหนังยังทำให้เกิดการซึมของเลือดออกมาเป็นน้ำเหลืองจำนวนมาก ซึ่งมีผลให้เกิดการหมุนเวียนน้ำเหลืองอย่างมีประสิทธิภาพ
สรุปได้ว่า “กัวซา” เป็นการกระตุ้นและส่งเสริมให้การทำงานของระบบหมุนเวียนเลือดและน้ำเหลืองมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นหลายเท่าตัว ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการขจัดพิษออกจากระบบทั้งสองนี้ดีขึ้นหลายเท่าตัวตามไปด้วย
กัวซาสร้างสมดุลให้ธาตุทั้งสี่
การแพทย์ตะวันออกมีความเชื่อว่า ร่างกายของคนเราประกอบขึ้นด้วยธาตุทั้งสี่ คือ ดิน ลม ไฟและน้ำ หากเกิดความไม่สมดุลย์ขึ้นกับธาตุใดธาตุหนึ่ง ก็จะก่อให้เกิดอาการผิดปกติหรือความเจ็บป่วย อย่างเช่น เมื่อเกิดอาการบวมบริเวณข้อเท้าเพราะมีการอุดกั้นของชี่ (ลม) บริเวณนั้นจนไม่สามารถไหลเวียนได้ การขูดกัวซาจะเป็นการการรักษาโดยใช้ความร้อนจากการขูด (ธาตุไฟ) เข้าไปสลายลมที่อุดกั้นจนอาการดีขึ้น และการบวมยุบลงได้ เป็นต้น
โดยปกติ เมื่อร่างกายต้องการขจัดพิษออก ก็จะสร้างสารคัดหลั่งมาช่วยในการชะล้าง เช่น เมื่อเราได้รับฝุ่นละอองหรือพิษทางลมหายใจ ร่างกายก็จะสร้างน้ำมูกขึ้นมาเพื่อชะล้างพิษเหล่านั้นออก และเมื่อเกิดน้ำส่วนเกินก็ย่อมเกิดความเย็นเกินจนอาจทำให้มีอาการคัดจมูกร่วมด้วย การขูดกัวซาบริเวณรอบๆจมูกจะช่วยให้เกิดความร้อน ทำให้เลือดลมบริเวณโพรงจมูกไหลเวียนได้ดี ส่งผลให้เราหายใจได้คล่องขึ้น
กัวซากระตุ้นให้พลังชี่และเลือดไหลเวียนได้ดี
กัวซา สามารถช่วยทำความสะอาดหลอดเลือดได้ เนื่องจากการขูดกัวซาจะช่วยสลายสิ่งที่อุดกั้นทางเดินโลหิต รวมถึง กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น และเส้นประสาทด้วย หลังการทำกัวซา อาการตึงของกล้ามเนื้อรอบๆเส้นประสาททำคลายตัวลง ระหว่างการรักษาด้วยกัวซาอาการเจ็บจะค่อยๆเบาลงทีละน้อย และจะรู้สึกผ่อนคลายขึ้นเรื่อยๆ
กัวซาสามารถขจัดพิษได้
ความแตกต่างระหว่างกัวซากับการบำบัดด้วยวิธีอื่นก็คือ กัวซาสามารถทำได้ทุกส่วนของร่างกาย จึงสามารถขจัดพิษที่เกิดการการใช้ชีวิตที่ไม่ถูกสุขลักษณะทั้งจากอาหารการกิน ความเครียด ตลอดจนมลภาวะต่างๆ เมื่อพิษถูกสะสมในกระแสเลือดของเรา เซลล์เม็ดเลือดแดงซึ่งทำหน้าที่ลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ ก็จะนำพิษสะสมเหล่านี้ไปด้วย ช่องทางปกติที่ร่างกายจะขับพิษเหล่านี้ออกได้ก็คือทางอุจจาระ ปัสสาวะ และเหงื่อ เซลล์เม็ดเลือดแดงเก่าๆ และพิษ จะถูกกำจัดด้วยการทำงานของม้าม แต่พิษสะสมบางส่วนก็จะยังคงอยู่ในเซลล์ เนื้อเยื่อ ใต้ผิวหนัง และอวัยวะต่างๆ อยู่ จึงเป็นเหตุให้เกิดการเจ็บป่วยขึ้น ซึ่งกัวซาสามารถช่วยเปิดรูขุมขนเพื่อขจัดพิษสะสมเหล่านี้ออกมาได้เช่นเดียวกับการขับเหงื่อ
ความลับของรอยจ้ำสีแดง
อะไรคือ “ซา” และรอยจ้ำสีแดงที่เกิดจากการทำกัวซาบ่งบอกอะไร…มันคือ “พิษ” จริงหรือไม่?
ไขกระดูกของคนเรา เปรียบได้กับโรงงานผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง เซลล์เม็ดเลือดแดงจะมีอายุขัยโดยเฉลี่ย 120 วัน เมื่ออายุขัยหมดลงจะถูกกำจัดโดยม้าม เมื่อเกิดความผิดปกติในร่างกาย เช่น เมื่อเราสะพายของที่มีน้ำหนักมากเกินไป ส่งผลให้เลือดบริเวณบ่าไหลเวียนไม่สะดวกเนื่องจากเส้นเลือดถูกกดทับ เป็นเหตุให้เซลล์เม็ดเลือดแดงที่ตายแล้วบางส่วนไม่สามารถถูกลำเลียงไปที่ม้ามได้ จึงตกค้างอยู่ภายใต้ผิวหนัง เช่นเดียวกับอาหารที่บูดเน่า เซลล์เม็ดเลือดแดงที่หมดอายุเหล่านี้ก็จะก่อให้เกิดพิษต่อร่างกายได้เช่นกัน การขูดกัวซาซึ่งเป็นการเปิดรูขุมขนจะช่วยให้ระบายพิษเหล่านี้ให้ถูกขับออกทางผิวหนังได้เช่นเดียวกับกลไกการขับเหงื่อ ส่วนรอยจ้ำแดงๆนั้นจะจางหายไปภายใน 3-5 วัน
***สำหรับผู้ที่มีสุขภาพดี ซาที่ได้จะมีสีแดงอมชมพู แต่ถ้าหากเลือดเป็นกรดเนื่องจากมีพิษสะสมมาก ซาจะปรากฎเป็นสีแดง หรือม่วง และหากไม่รีบรักษา สีของซาจะกลายเป็นเลือดนกหรือแดงคล้ำจนเกือบดำ***
ประโยชน์ของการทำกัวซา
– กระตุ้นระบบเมตาโบลิซึ่ม
– ปรับปรุงระบบไหลเวียนโลหิต
– กระตุ้นการทำงานของเซลล์ เพิ่มออกซิเจนในร่างกาย และขจัดพิษสะสมออกทางรูขุมขน
– สนับสนุนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
– เป็นตัวช่วยในการวินิจฉัยโรคได้
– คลายความตึงของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็น
– ชลอความเสื่อมของเซลล์และทำให้ผิวกระชับ
ข้อแนะนำในการทำกัวซา
– ไม่ควรทำในเวลาที่หิว และควรทำหลังอาหารประมาณ 1 ชั่วโมงขึ้นไป
– แจ้งให้ผู้บำบัดทราบหากมีอาการเจ็บหรือบาดเจ็บในบริเวณที่จะทำกัวซา
– งดอาบน้ำหลังทำกัวซาอย่างน้อย 1 ชั่วโมง
– ดื่มน้ำอุ่นบ่อยๆ ภายหลังการทำกัวซา
อ้างอิง
http://guasatherapyhandbook.com/
หนังสือหยุดแก่…หยุดป่วย…ด้วยการล้างพิษ โดย นายแพทย์บุญชัย อิสราพิสิษฐ์
Good knowledge